วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2558

เที่ยวกาญ...กันเถอะ (ตอน 3 ...สังขละบุรี)


ต่อจากตอนที่ 2........(กดที่นี่ค่ะ)
หลังจากพวกเราโดนเมฆฝนไล่จากด่านเจดีย์ 3 องค์
ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน
พวกเราพวกเรามุ่งหน้าไปยัง "เมืองสามประสบ"
หรือที่รู้จักกันว่า... "สังขละบุรี"

การเดินทางก็ไม่ได้ยุ่งยากมากนัก
ออกจากด่านเจดีย์ 3 องค์ มุ่งหน้ากลับมาทางเดิม
จนเจอ 3 แยก ก็เลี้ยวไปตามถนนหมายเลข 323
หรือจะดูป้ายบอกทางก็ได้ค่ะ
ใช้เวลาประมาณ 15 นาที พวกเราก็มาถึงที่พัก
แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าต้องรอเวลา Check in
พวกเราเลยมุ่งหน้ากันไปสะพานมอญค่ะ

ออกจากที่พัก พวกเราก็วนกันสักพัก 
จนเจอจุดนี้ค่ะ 
แต่.......... ไม่ใช่จุดที่ลงสะพานมอญได้
พวกเราไปถึงเที่ยงกว่าๆ ในภาพเหมือนจะไม่มีแดด
แต่ร้อนอบอ้าวมากค่ะ

ไหนๆ ก็มาตรงนี้แล้ว วิวสวยเหมือนกัน 
เก็บภาพสักนิด
ด้านขวามือ เห็นสะพานมอญแล้ว...
อย่ารอช้าค่ะ ไปกันเลยดีกว่า อิอิ


พวกเราจอดเราในจุดที่ใกล้สะพานที่สุด
แล้วเดินลงไปค่ะ 
 

สะพานปูนฝั่งไทยที่เชื่อมไปยังสะพานมอญ

เห็นมุมไหนสวย ก็เก็บภาพกันเรื่อยๆ ค่ะ
สะพานมอญจากมุมร้านกาแฟ
พวกเรามาพัก ดื่มน้ำกันที่นี่ค่ะ

"สะพานมอญ" หรือสะพานอุตตมานุสรณ์
เป็นสะพานข้ามแม่น้ำซองกาเลียไปยังหมู่บ้านมอญ
พูดได้ว่าเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในไทยเลย
นอกจากนี้ยังเป็นสะพานไม้ที่ยาวเป็นอันดับสองของโลกด้วยค่ะ
เป็นรองจากสะพานไม้อูเบ็ง ในเมียนมาร์

สะพานนี้สร้างในปี 2529 - 2530
มีความยาว 850 เมตร 
ข้ามแม่น้ำซองกาเรียประมาณ 455 เมตรค่ะ

หลวงพ่ออุตตมะเป็นผู้ริเริ่มสร้างสะพานไม้นี้
แทนการเดินทางกับ "สะพานบาทเดียว"
(การใช้ไม่ไผ่ต่อเป็นแพ และมีคนลากให้เชื่อมต่อกันไปมา
โดยเก็บเงินครั้งละ 1 บาท)

การก่อสร้าง... ไม่มีค่าใช้จ่ายและเครื่องจักรใดๆ
ใช้แต่แรงงานชาวบ้านและ อุปกรณ์พื้นบ้านเท่านั้นค่ะ
จากนั้นก็ว่าจะเดินเล่นกันบนสะพาน
ถ่ายรูปกันเสร็จ พวกเราก็เปลี่ยนแผนกันค่ะ
ดูอากาศสิคะ ร้อนมากกกกกกกกกก
เดินได้แค่ 4-5 ก้าว พวกเราก็ถอยกลับค่ะ

ได้ยินเสียงแว่วๆ มาว่า....
มีเรือบริการล่องชม 3 วัด บลาๆๆๆๆ

ไม่รอช้าค่ะ ค่าชม 3 วัด 500 บาท/เรือ 1 ลำ
ลงเรือที่ "แพลูกบวบ" ค่ะ
"แพลูกบวบ" 
เป็นสะพานที่อยู่คู่กับสะพานมอญ
สร้างขึ้นเพื่อใช้ชั่วคราว ในช่วงที่สะพานมอญ
ได้รับความเสียหายในปี 2556

โดยพระมหาสุชาติ สิริปัญโญ
เจ้าอาวาสวัดวิเวการาม
ได้ดูแลให้ชาวบ้านหาไม้ไผ่มา
"หนึ่งคน หนึ่งลำ"
แล้วนำมามัดเป็นแพต่อกันบนพื้นผิวน้ำ

การก่อสร้าง... ไม่มีค่าใช้จ่ายและเครื่องจักรใดๆ
ใช้แต่แรงงานชาวบ้านและ อุปกรณ์พื้นบ้านเช่นเดียวกันค่ะ


เอาล่ะค่ะ ไปลงเรือกันค่ะ

พวกเราได้ไปกับเรือของ "ลุงขาว" ค่ะ


เมื่อลุงขึ้นเรือ มีเด็กน้อยคนหนึ่ง วิ่งตามมา
แล้วบอกลุงว่า "ลุงๆๆๆๆๆๆๆ ผมไปด้วย นะๆๆๆๆ"
แล้วก็ขึ้นเรือเลยค่ะ

แน่ะ.... ลุงบอกมาแล้วก็ช่วยบังคับหัวเรือหน่อย

ยิ้มค่ะยิ้ม .... ยิ้มไม่ออก ร้อนมากค่ะ

วิวเจดีย์สีทอง... คืออะไร พวกเรายังไม่รู้
จนพวกเราพูดกันว่า สวยจัง น่าไปเนอะ
ถามกันไปมา ว่าไปได้ไหม....

ลุงเลยบอกว่า ไปได้ วัดอยู่ฝั่งมอญ 
แต่ให้ขับรถกันไป ช่วงเย็นๆ ...
หลังจากนั้น ลุงก็เป็นทั้งคนขับเรือ และเป็นไกด์ให้พวกเราค่ะ

นั่งเรือไปสักพัก... ลมเริ่มเย็นสบาย....

สักพักพวกเราเห็นอะไรไกลๆ 
วัดจมน้ำ ... ใช่ค่ะ พวกเราตื่นเต้นกันมาก
เจ้าตัวน้อยหันหน้ามาส่งสัญญาณบางอย่างให้พวกเรา
อ่ะ ... นึกออกแล้ว น้องคนนี้ชื่อ "น้องพี" ค่ะ
เป็นชาวมอญ พูดไทยเก่งด้วย

       
ลุงขาวบอกพวกเราว่า วัดนี้คือ "วัดศรีสุวรรณ"
วัดนี้อยู่บริเวณปลายเม่น้ำรันตีค่ะ

พวกเรางงค่ะ บอกลุงว่า เมื่อกี๊หนูผ่านตัวเมืองมา
มีวัดศรีสุวรรณเหมือนกันเลยค่ะ
ลุงบอกว่า อันนั้นคือวัดศรีสุวรรณใหม่
แต่ตรงนี้คือวัดเก่าค่ะ

พวกเราจึงเริ่มสงสัย
เพราะพวกเราก็รู้มาว่า วัดหลวงพ่ออุตมะ 
ก็มีที่เก่าและที่ใหม่
พวกเราเลยไม่รอช้าค่ะ

ถามลุงต่อเลย ว่าทำไมต้องมีเก่าใหม่
ที่เก่าน้ำท่วมแล้วสร้างใหม่เหรอคะ

ลุงหัวเราะ... หนูเข้าใจว่าลุงเอ็นดูพวกหนูนะคะ อิอิ
ลุงบอกว่า ตรงที่พวกเราอยู่กลางน้ำ
เดิมเป็นตัวเมืองสังขละบุรี ค่ะ

แล้วก็มี 3 วัด ที่ลุงพาพวกเราไป
แต่สาเหตุที่กลายเป็นวัดจมน้ำ
ไม่ใช่เพราะน้ำท่วมจากอุทกภัยอะไรหรอกค่ะ

แต่เป็นเพราะมีการกั้นเขื่อน
เมืองสังขละบุรีเลยต้องย้ายไปที่ในปัจจุบัน

พวกเราก็อยากรู้อีก ว่าเขื่อนอะไร
ทำไมถึงทำให้ต้องย้ายเมือง
ลุงบอกว่า "เขื่อนวชิราลงกรณ"

เท่านั้นล่ะค่ะ พวกเราตะลึงงงงงงงงง
พวกเราเดินทางมา โดนไม่รู้เลยว่า
ถนนเลียบบึงน้ำที่เราดูกันมาตลอด 2 ข้างทาง
คือน้ำในเขื่อนแห่งนี้ 

พวกเราเลยคุยกันว่า งั้นแสดงว่าตัวเมืองสังขละเก่า
ที่เป็นบ้านคนก็จมหมดแล้วสิ

ลุงขาวบอกว่าไม่หมดค่ะ
ลุงให้พวกเราหันหลังไปดู เกาะที่อยู่กลางน้ำ
มีต้นหญ้าขึ้นมากมาย

จริงๆ คือการสร้างเขื่อนเขาแหลมขึ้นมา
ทำให้น้ำท่วมบริเวณนี้ค่ะ
แต่อย่าเรียกว่าเกิดความเสียหายเลยค่ะ

ตรงนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง
ส่วนเขื่อนก็สร้างทั้งกระแสไฟฟ้า
และส่งน้ำออกเป็นจำนวนมาก
ตรงนี้ล่ะค่ะ ตัวเมืองสังขละบุรีเก่า
และด้านซ้ายมือ ที่เรามองไม่เห็นว่าจุดสิ้นสุดอยู่ไหน
คือน้ำในเขื่อนทั้งหมดค่ะ 
ยาวไปถึงประตูกันเขื่อนที่แอมเขียนบันทึกไว้ในตอนที่ 2

สรุปว่าพวกเราใช้เวลาที่วัดแรกกันนานมาก
ประกอบกับฝนเริ่มตกนิดหน่อย 
แต่ลุงบอกว่า แค่ละออง ไม่ต้องกลัว

จากนั้นลุงก็พาเราไปยังวัดที่ 2 ค่ะ
วัดนี้ลุงจอดเรือ แล้วให้พวกเราเดินเข้าไปในป่านิดนึงค่ะ
ถึงตรงนี้ล่ะค่ะ น้องพีเริ่มทำงาน

น้องพีพาพวกเราเดินเข้าไปสักพัก 
ก็เจอจุดที่ชาวมอญขายดอกไม้ไหว้พระ
(ภาพซ้ายล่าง)

จัดมาแล้วก็เดินต่อไปจนเจออุโบสถวัด
(ภาพขวาล่าง)

                 
 วัดนี้ชื่อ "วัดสมเด็จ" 
เป็นวัดสมเด็จเก่าเช่นกัน
อยู่ตรงข้ามกับเมืองบาดาลค่ะ

เนื่องจากวัดนี้ ไม่ได้จมอยู่ใต้น้ำ
ทำให้พระประธานสภาพยังค่อนข้างสมบูรณ์
และรอบตัวโบสถ์ มีต้นไทรปกคลุมอยู่ค่ะ
ถ่ายภาพกันสักพัก พวกเราก็เดินกลับไปที่เรือค่ะ

ระหว่างทางก่อนถึงร้านดอกไม้
มีเถาวัลย์ขนาดใหญ่ห้อยลงมา
พอเป็นเปลให้นั่งเล่นได้

ไปขึ้นเรือกันค่ะ
อากาศร้อนมาก เร็วๆ สิ เร็วๆ

เอ้าน้องพี เข็นสิ เข็นนนนน อิอิ 
พี่ไม่ได้บังคับนะคะ ทำไปเถอะ
พี่มีค่าตอบแทนให้

ออกจากวัดพวกเราไปยังวัดที่ 3 
ตั้งอยู่บน "เมืองบาดาล" 
ทั้ง 3 วัด อยู่รอบๆ
สันทรายที่เป็นเมืองสังขละบุรีเก่านั่นล่ะค่ะ
เริ่มเห็นอะไรบางอย่างแล้วค่ะ

พวกเรามาช่วงที่น้ำลด
จึงสามารถเดินขึ้นไปเที่ยวได้ค่ะ



วัดนี้คือ "วัดวิเวการามเก่า" ค่ะ
ตั้งอยู่บนจุดที่เรียกว่า "สามประสบ"
คือ จุดที่แม่น้ำสามสาย (ซองกาเลีย บีคลี และรันตี)
ไหลมาบรรจบกัน และไหลไปยังแม่น้ำแควน้อยต่อ

ด้านหน้าค่ะ

ภายในอุโบสถ

เก็บภาพกันเล็กน้อยค่ะ

ด้านหลังค่ะ

จากนั้นพวกเราเดินไปยังตึกที่น้องพีบอกว่า
เป็นกุฏิเก่าค่ะ

จริงๆ พวกเราก็ไม่รู้หรอกค่ะ ว่าคืออะไร
น้องพี... หนูพูดไม่ชัดเลย
พี่ไม่เข้าใจ 555+



เก็บภาพกันค่ะ ภาพขวาบนคือ หอระฆัง 

จากนั้นพวกเราก็ขึ้นเรือ เดินทางกลับกันค่ะ
ลุงบอกว่าจริงๆ มีอีกที่ คือประตูเมือง
แต่อยู่ไกลจากที่นี่มาก
ถ้ามีโอกาส.. ครั้งหน้าไปชมนะหนู ^^
ลุงขาว ... ลุงใจดีที่สุดเลยค่ะ ^^

มีเรื่องหนึ่ง พวกเราสงสัยมาก
ทำไมลุงต้องเอาถังแก๊สใส่เรือไปด้วย
ตอนแรกไม่กล้าถาม

แต่เห็นลุงใจดี
อย่ารอช้าค่ะ... ต้องถาม

สรุปว่าเรือของลุงใช้แก๊สค่ะ
พาพวกเราไปเที่ยว 2 รอบนี่ ใช้ 2 ถังนะคะ
ก่อนพวกเราเดินออกมา
ลุงบอกว่า เดี๋ยวลุงไปเติมแก๊สก่อน
55555+

ส่วนน้องพี ไม่ยอมกลับค่ะ แต่ไม่พูดมากนะคะ
พอพวกเราให้เงินไป รีบขอบคุณพวกเรา
แล้วเดินหายไปเลยค่ะ

ชมกันต่อใน สังขละบุรี ตอน 2 (กดที่นี่) นะคะ 
^____________________^




ไม่มีความคิดเห็น: